ประธาน กกต. ชี้ปมซื้อเสียงกาฬสินธุ์ไม่ทำต้องเลือกตั้งใหม่    ย้ำ กปน.ทุกแห่งขานคะแนนช้า-ชัด สำรองไฟมือถือ   ส่องสว่าง หากฝนตก ไฟดับ   การันตีว่าเสี้ยววินาทีไม่มีใครยุ่งหีบ  และบัตรลงคะแนน เตือนคนไม่ได้เข้าคูหา   ต้องแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ์ 

ประจวบคีรีขันธ์  วันนี้  ( 11 พ.ค.)  นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ตรวจดูการใช้สิทธิ์ของประชาชน ในการใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี  พื้นที่เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์   ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย      

ขณะที่สถานการณ์ทั่วประเทศที่ได้รับรายงานพบบางจังหวัดมีข่าวซื้อเสียง ก็ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ   ไม่พบตามที่มีการแจ้ง   และไม่น่าจะส่งผลกระทบให้ต้องเลือกตั้งใหม่  เนื่องเมื่อคืนที่ผ่านมาในบางจังหวัดนั้น  มีทั้งทีมปกครองนำโดยผู้ว่าราชการจังหวัด   ผู้บังคับการตำรวจภูธรประจำจังหวัดกาฬสินธุ์  รวมกับทีม กกต.จังหวัดกาฬสินธุ์    หน่วยบริหารในพื้นที่ให้ความร่วมมือในการตั้งด่านตรวจดูแลเป็นพิเศษ   และเชื่อว่าเป็นแนวปฏิบัติที่ทุกๆจังหวัด ทำเหมือนกันเพราะ มีการ ทำเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง สส.หรือการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นก็อยู่ในการติดตามดูแลอย่างเต็มที่ของผู้ปฏิบัติงาน

นายอิทธิพร กล่าวต่อว่า สำหรับการนับคะแนนนั้นได้กำชับในพื้นที่ เพราะอาจจะเป็นไปได้ที่จะมีพายุฝนเข้ามา ซึ่งในการเลือกตั้งทุกครั้งเราก็จะกำชับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) อยู่แล้ว   ว่า ในช่วงที่นับคะแนนนั้น   เพื่อหลีกเลี่ยงการร้องเรียนว่ามีการขานคะแนนไม่ชัด ไม่ได้ยิน   ไฟไม่สว่าง    ดังนั้นตนจึงได้เน้นมาตลอดว่าให้ มีการขานคะแนนช้าๆ ชัดๆ โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดฝนตกจะต้องขานในเสียงที่ดังขึ้นเพื่อสู้กับเสียงฝน เพื่อให้ผู้มาดูการนับคะแนนได้ยินอย่างชัดเจน ว่าเป็นบัตรดี บัตรเสีย หมายเลขเท่าใด เพราะหากขานไม่ชัดเจนก็จะเกิดความสงสัยและอาจทำให้การนับคะแนนไม่ราบรื่น  
นอกจากนี้หากมีฝนพายุเข้ามาก็ยังต้องมีแผนเผชิญเหตุ ต่างๆ เช่น กรณีไฟดับกระทันหัน จะต้องมีไฟส่องสว่างทันทีจากโทรศัพท์มือถือที่เตรียมเอาไว้ ส่องไปที่หีบบัตรและบัตรที่ยังไม่ได้ใช้ เพื่อป้องกันข้อครหาว่า ระหว่างไฟดับในจำนวนไม่กี่วินาทีนั้น ไม่มีใครมาแตะต้องหนีบและบัตรเลือกตั้ง

เมื่อถามถึงจำนวนคนมาใช้สิทธิ์คิดว่าจะมากกว่าครั้งที่แล้วหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ครั้งที่แล้วมีผู้มาใช้สิทธิ์ 66.86% ครั้งนี้ตนหวังว่าจะถึง จำนวนที่ตั้งไว้คือ 70% เพราะดูแล้วก็มีความคึกคัก อาจจะดูคึกคักมากกว่าการเลือกตั้งอบจ.ด้วยซ้ำไป แต่ตัวเลขแต่ละจังหวัดอาจจะไม่เท่ากัน เพราะในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ 66.86% แต่เมื่อดูบางจังหวัด เช่น จังหวัดพัทลุงมีตัวเลขผู้มาใช้สิทธิ์ ถึง 80% ดังนั้นต้องดูว่าครั้งนี้จะสามารถรณรงค์ให้ผู้มีสิทธิ์ออกมาใช้สิทธิ์ได้มากน้อยเพียงใด เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้นตนได้เน้นอยู่ตลอดเวลา ว่าเป็นรากฐานของประชาธิปไตยโดยแท้ เกี่ยวข้องกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งโดยแท้ เราจัดการบริการทุกๆ ด้านให้กับผู้มีสิทธิ์ได้รับประโยชน์สูงสุด ถ้าท่านมาใช้สิทธิ์เยอะการเลือกตั้งท้องถิ่นจะเข้มแข็ง เมื่อการเมืองท้องถิ่นเข้มแข็ง การเมืองระดับจังหวัดและระดับชาติก็ดีไปด้วย 

นายอิทธิพร กล่าวอีดว่า สำหรับผู้ที่ไม่สามารถมาใช้สิทธิ์ได้นั้น   ขอให้ไปแจ้งเหตุ ไม่สามารถมาใช้สิทธิ์ ซึ่งจะมีระยะเวลาอีก 7 วันหลังจากนี้    โดยสามารถแจ้งผ่านแอพพลิเคชั่นสมาทโหวต   ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และเว็บไซต์  กกต.    หรือหากมีเวลาก็ไปแจ้งที่สำนักทะเบียน ท้องถิ่นทุกที่ หรือแจ้งที่สำนักงาน กกต. ก็ได้   เพราะหากมีการแจ้งเหตุแล้วท่านจะไม่ถูกจำกัดสิทธิ์ สิทธิทางการเมืองบางประการ    ซึ่งมีความสำคัญในแง่ที่ว่า    ในการสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นเวลามีผู้สมัคร    เราก็จะตรวจสอบประวัติและประกาศชื่อ   หากไม่แจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อาจจะทำให้ขาดคุณสมบัติตรงนี้