เจ้าอาวาสวัดพุทธอุทยานขอนแก่นยืนยัน ไม่เกี่ยวข้องกับวัดไร่ขิง เผยเหมือนถูกหลอกเป็นเครื่องมือ เพราะเป็นคนเดินเรื่องขออนุญาตสร้างพระเพื่อให้รู้ว่ามีวัดอยู่ด้านใน พอได้หนังสืออนุญาตทางลูกศิษย์เจ้าคุณแย้ม ขอใช้ชื่อวัดไร่ขิง ในการสร้างต่อทั้งหมดเพื่อเป็นที่พักให้กับพระสงฆ์และประชาชนที่สัญจรผ่านถนน

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 23 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่วัดพุทธอุทยาน ซึ่งตั้งอยู่ ม. 10 ต.จระเข้ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ซึ่งอยู่ด้านหลังพุทธสถานอุทยานหลวงพ่อวัดไร่ขิง ติดกับหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงหนองเรือ ภายหลังทราบว่ากรมทางหลวง ทวงคืนพื้นที่เนื่องจากมีการก่อสร้างรูปปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก โดยพบว่า ภายในวัดมีการนำรูปปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมาตั้งอยู่ที่บริเวณด้านในของวัด ให้เป็นวังพญานาค ที่มี จอมกษัตริย์นาคา ประดิษฐานอยู่ 9 พระองค์ ประกอบด้วย พญาอนันตนาคราช พญามุจลินท์นาคราช พญาภุชงค์นาคราช พญาศรีสุทโธนาคราช พญาศรีสัตตนาคราช พญาเพชรภัทรนาคราช หรือพญาเกล็ดแก้วนาคราช พญานาคดำแสนสิริจันทรานาคราช พยายัสมันนาคราช  และพญาครรตศรีเทวานาคราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆประดิษฐานอยู่โดยรอบวังพญานาค ซึ่งแต่ละองค์มีขนาดใหญ่และสวยงาม

พระอธิการธนกฤต ยันตฺสีโล หรือ หลวงพ่อแหลม เจ้าอาวาสวัดพุทธอุทยาน กล่าวว่า รูปปั้นพญานาคและรูปปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากพุทธสถานอุทยานหลวงพ่อวัดไร่ขิง นำมาประดิษฐานไว้ภายในวัดเดิมทีพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ริมถนนนั้น เดิมหลวงพ่อเป็นคนเริ่มต้นโครงการขึ้นโดยมีการขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะสร้างพระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์ว่าที่บริเวณด้านหลังเข้าไปนั้นมีวัดอยู่ภายใน อยากให้ญาติโยมได้รู้จักและมาร่วมทำบุญที่วัด โดยหลังจากที่เดินเรื่องขออนุญาตทั้งจากกรมป่าไม้ กรมทางหลวง หน่วยงานราชการที่ดูแลในพื้นที่ จนมีการออกหนังสืออนุญาตให้สร้างพระพุทธรูปในพื้นที่ดังกล่าว และในช่วงที่เดินเรื่องขออนุญาตนั้น ก็จะมีคุณหมอสมชาย ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่จะสร้าง และเป็นลูกศิษย์ของเจ้าคุณแย้ม ได้มาพูดคุยกับหลวงพ่อในเรื่องการสร้างพระโดยมีหญิงที่ชื่อเตยมาด้วย 

“หลวงพ่อจำหน้าได้ เพราะทุกครั้งที่หมอสมชายมาก็จะมีหญิงที่ชื่อเตยมาด้วยโดยเข้าใจว่าทั้งคู่เป็นแฟนกันแต่ก็ไม่เคยไปสอบถามเรื่องส่วนตัว ซึ่งทั้งคู่อยากจะร่วมสร้างพระพุทธรูปที่บริเวณหน้าทางเข้า หลังจากที่หลวงพ่อได้ใบอนุญาตมาถูกต้องแล้วทั้งคู่ก็บอกว่าจะขอสร้างในนามของวัดไร่ขิง ซึ่งหลวงพ่อก็ไม่ติดขัดเพราะต้องการอยากให้มีพระพุทธรูปมาประดิษฐานเพื่อให้รู้ว่ามีวัดของหลวงพ่ออยู่ภายใน โดยได้สร้างเฉพาะในส่วนของฐานองค์พระประธานหมดเงินไปประมาณ 100,000 กว่าบาทซึ่งเป็นเงินทำบุญของญาติโยมที่มีจิตศรัทธา และก็ปล่อยเป็นเรื่องของทางหมอสมชายกับทางวัดไร่ขิงเป็นผู้ดำเนินการต่อเพราะหลวงพ่อไม่รู้จักคนไม่มีที่ที่จะหาเงินมาสร้างมากกว่านี้ โดยหลังจากที่สร้างเสร็จก็มีการทำพิธีบวงสรวง ซึ่งทางเจ้าคุณแย้มได้มาเป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ และได้ให้หมอสมชายมานิมนต์หลวงพ่อไปร่วมในพิธีด้วย แต่หลวงพ่อก็ไม่ได้พูดคุยและไม่เคยคุยกับเจ้าคุณแย้มเลยแม้แต่ครั้งเดียว”

พระอธิการธนกฤต กล่าวต่อว่า  แม้แต่ในช่วงที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เจ้าคุณแย้มก็เคยมาที่วัดเพราะอยากจะดูวัดว่าเป็นอย่างไรแต่ก็ไม่ได้เจอหน้ากันเพราะหลวงพ่อเองก็ถือว่าเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดนี้ ใครอยากมาที่วัดก็ต้องมามาหาหลวงพ่อเพราะเป็นเจ้าอาวาสไม่ใช่ให้หลวงพ่อไปหา ซึ่งเจ้าคุณแย้มก็มาอยู่หลายครั้งกระทั่งมีข้อพิพาทกันเกิดขึ้น ระหว่างครอบครัวของหมอสมชายกับทางเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงซึ่งถือโฉนดมีกรรมสิทธิ์ถูกต้องตามกฏหมายนำมายืนยันจนเรื่องถึงชั้นศาลก็มีคำสั่งให้ฝ่ายกรมทางหลวงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งทางกรมทางหลวงจึงได้ล้อมรั้วและมีประกาศให้เคลื่อนย้ายรูปปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่อยู่ภายในพื้นที่ของกรมทางหลวงออกทั้งหมดเหลือไว้เพียงองค์พระประธาน หลวงพ่อวัดไร่ขิงเท่านั้น เพื่อจะทำบริเวณดังกล่าวเป็นจุดแวะพักริมทางของทางกรมทางหลวงซึ่งได้มีการก่อสร้างก่อนหน้านี้มาแล้วอยู่บริเวณด้านข้างและมีป้อมของตำรวจทางหลวง

“เชื่อว่าอีกสาเหตุที่มีการสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกนั้นเพราะ หลวงพ่อขออนุญาตเพียงการสร้างพระพุทธรูปเพียงองค์เดียวแต่หลังจากที่ทางหมอสมชายและเจ้าคุณแย้มดำเนินการสร้างต่อมีการนำรูปปั้นต่างๆมาสร้างเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากและเชื่อว่าหากยังไม่รื้อถอนพื้นที่ 18 ไร่บริเวณนั้นก็จะมีการก่อสร้างเต็มทั้งหมดโดยทางวัดไร่ขิงเองจะสร้างเป็นที่พักสำหรับพระสงฆ์และประชาชนทั่วไปได้มาพักผ่อนอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวชั่วคราว ทำให้เกิดข้อพิพาทดังกล่าวขึ้น”

เจ้าอาวาสพุทธอุทยาน กล่าวเพิ่มเติมว่า หลวงพ่อถูกหลอกให้เป็นเครื่องมือ เพราะหลวงพ่อขออนุญาตในการสร้างพระพุทธรูปแต่กลับตาลปัตรเป็นวัดไร่ขิงมาสร้างสถานที่สำหรับเป็นที่พักให้กับพระสงฆ์และประชาชนได้แวะพักริมทาง หลวงพ่อก็ถือใจซื่อเพราะอยากได้แค่พระพุทธรูปมาประดิษฐานอยู่ด้านหน้าให้รู้ว่ามีวัดของหลวงพ่ออยู่ข้างในเท่านั้น ซึ่งหลวงพ่อก็ไม่ได้ติดใจอะไร และตอนนี้ผลกรรมก็ปรากฏแล้ว ถูกกรรมตามสนองมายึดคืนไปหมด ส่วนพระพุทธรูปตอนนี้ก็จะยังคงอยู่ประดิษฐานที่เดิมทุกคนก็ยังสามารถมากราบไหว้ได้ตามปกติ และพื้นที่โดยรอบทางกรมทางหลวงก็มีการมาปรับภูมิทัศน์เพิ่มเติมให้เป็นจุดแวะพักของกรมทางหลวงในบริเวณดังกล่าวทั้งหมดให้มีความสวยงาม

ด้าน นางทองเหรียญ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี อยู่บ้าน เลขที่ 197 ม.10 ต.จระเข้ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น  กล่าวว่า ได้รับเหรียญหลวงพ่อวัดไร่ขิง ด้านหลังเหรียญมีท้าวเวสสุวรรณวัดจุฬามณี มาห้อยคอหนึ่งองค์ ซึ่งทางอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงพร้อมคณะได้มาที่สถานที่ดังกล่าวเมื่อประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมา  ซึ่งได้ตอนที่ตนเองกับเพื่อนอีก 2 คนไปทำความสะอาดตรงพระใหญ่ โดยทางตำรวจทางหลวงจ้างคนละ 500 บาทให้มาทำความสะอาดให้เพราะทางเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงจะเดินทางมา ส่วนเรื่องบุญบารมีก็ไม่รู้ว่ามีหรือไม่แต่ก็มีแต่โรคภัยไข้เจ็บเข้ามา และไม่เคยถูกหวยเลยตลอดห้าเดือนที่ได้รับเหรียญหลวงพ่อวัดไร่ขิงมา ส่วนตรงที่มีการสร้างพระใหญ่นั้นตนเองเห็นมีมานานแล้ว เพื่อให้คนได้มาพักผ่อนเฉยๆ ส่วนการจัดพิธีนั้นเห็นมีเฉพาะตอนที่สร้างเสร็จใหม่ใหม่เป็นพิธีบวงสรวง ซึ่งตนเองก็ไปร่วมในพิธีด้วย ซึ่งวันที่มีการทำพิธีบวงสรวงนั้นคนมาร่วมพิธีเยอะมากทั้งศิลปินดารา ลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนในพื้นที่ 

“ในช่วงที่หมอสมชาย สร้างวัดนั้นก็ได้มาดูแลจนกระทั่งพื้นที่ตรงนี้เป็นของกรมทางหลวงหมอสมชายก็ไม่ได้มาดูแลอีกเลยจนถึงขณะนี้ และเท่าที่ตนเองเห็นนั้นช่วงที่หมอสมชาย ไปขอสร้างกับทางหลวงพ่อแหลม ก็มีแต่เรื่องราวเกิดขึ้นเพราะหลังจากที่สร้างแล้วกลายเป็นชื่อของวัดไร่ขิงขึ้นมาแทนวัดพุทธอุทยาน ซึ่งจะสังเกตได้จากตู้บริจาคของหลวงพ่อแหลมที่อยู่ภายในพระใหญ่ ส่วนหลวงพ่อวัดไร่ขิงก็จะแวะเวียนมาบ้างแต่อยู่นานสักพักก็ไป ส่วนเรื่องเงินที่มาสร้างนั้นตนเองก็ไม่ทราบว่าเงินมาจากไหน และข่าวที่เกิดขึ้นนั้นส่วนตัวก็ยังนับถือผ้าเหลือ นับถือพระพุทธศาสนาต่อไป เพราะการกระทำเป็นเรื่องส่วนบุคคล”