เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 นายนพดล ปัทมะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณี “ชั้น 14” ที่เกี่ยวข้องกับอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ว่า เรื่องดังกล่าวได้รับความสนใจจากสังคม แต่ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเปิดพื้นที่ให้ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายได้ปรากฏอย่างเป็นธรรม ไม่ควรใช้อารมณ์ตัดสินล่วงหน้าหรือกดดันกระบวนการยุติธรรม

นายนพดลเน้นย้ำว่า ไม่ว่าความคิดเห็นส่วนตัวจะเป็นเช่นไร ควรเคารพกระบวนการยุติธรรม เปิดโอกาสให้ข้อเท็จจริงและกฎหมายได้ดำเนินไปตามขั้นตอน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการบังคับใช้กฎหมายในประเทศ พร้อมแสดงความปรารถนาให้สังคมไทยมีความเมตตาและพิจารณาเหตุการณ์โดยไม่ตัดตอนเฉพาะบางช่วงเวลา

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังระบุเพิ่มเติมว่า ตนเองเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมายให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีในช่วงหลังรัฐประหารปี 2549 โดยเคยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะบุคคลที่มีแนวคิดทางการเมืองเป็นปฏิปักษ์กับอดีตนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีต่าง ๆ ผ่านคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งอาจขัดต่อหลักนิติธรรม และขอให้พิจารณาเรื่องนี้โดยปราศจากอคติ

“การใช้หลักนิติธรรมต้องเป็นไปอย่างสม่ำเสมอในทุกกรณี ผมยังเชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรมจะสามารถเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนได้” นายนพดลกล่าว

“ราชทัณฑ์” ชี้แจง ยังไม่มีการฟ้องศาลเพิกถอนมติแพทยสภา

ขณะเดียวกัน กรมราชทัณฑ์ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณีสื่อมวลชนรายงานว่า “โรงพยาบาลราชทัณฑ์เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติแพทยสภา” อันเนื่องมาจากการลงโทษแพทย์ 3 รายที่เกี่ยวข้องกับการรักษานายทักษิณ ชินวัตร ณ โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14

กรมราชทัณฑ์ระบุว่า ขณะนี้ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เพียงรับทราบข่าวสารเกี่ยวกับมติของแพทยสภาผ่านการเผยแพร่ของสื่อมวลชนเท่านั้น และยังคงต้องรอคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก่อน จึงยังไม่มีการดำเนินการทางกฎหมายใด ๆ ในขณะนี้

กรมราชทัณฑ์ย้ำว่า ข้อมูลที่สื่อมวลชนบางแห่งนำเสนอ อาจก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในสังคม และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงาน ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ในสังกัด

ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ยืนยันการปฏิบัติตามข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2559 อย่างเคร่งครัด และจะดำเนินการทุกขั้นตอนด้วยความโปร่งใส รอผลวินิจฉัยที่เป็นทางการต่อไป