เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 พ.ค. ที่ห้องสีเขียว ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือสถานการณ์ชายแดนใต้โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และตัวแทนกองทัพบก

 

จากนั้นเวลา 14.35 น. นายอรรษิษฐ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมสถานการณ์ชายแดนใต้ว่า ในการประชุมมีผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ร่วมประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มาด้วย ซึ่งนายกฯ ได้กำชับให้ทำความเข้าใจและเข้าถึงประชาชนให้มากยิ่งขึ้น  ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้เตรียมความพร้อมเรื่องกำลังพลหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน (อส.) ได้มีการฝึกร่วมกันทั้งการใช้อาวุธ การทำมวลชน และการข่าวที่ต้องพร้อมทุกเรื่อง รวมถึงการทำแผนระยะยาว การให้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ ความเป็นมา ซึ่งเราก็อยู๋ร่วมกันมาโดยสันติสุข แต่อาจจะมีใครให้ข่าวจนให้คนรุ่นใหม่เข้าใจคลาดเคลื่อน ก็ต้องทำความเข้าใจให้ดี ให้เขารู้ว่าความเป็นมาที่แท้จริงเป็นอย่างไร ใครที่บิดเบือนประวัติศาสตร์เราก็เฝ้าดูอยู่ ตนเชื่อมั่นว่าจะทำให้สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย รวมถึงการที่เราไปเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นความสัมพันธ์ใกล้ชิด รวมถึงนายกฯไทยและนายกฯมาเลเซียก็ได้คุยกันตลอด

 

เมื่อถามว่า ล่าสุด อส.ได้ตกเป็นเป้าการก่อเหตุ ได้มีการกำชับอย่างไรบ้าง ปลัดมท. กล่าวว่า ตรงนี้เป็นยุทธศาสตร์ที่มีการถ่ายกำลังจากฝ่ายทหารมาเป็นฝ่ายปกครอง ถ้าเป็นเมื่อก่อนทหารจะเป็นผู้ดูแล ครู นักเรียน พระสงฆ์ในการเดินทาง แต่ทุกวันนี้เปลี่ยนเป็นเจ้าหน้าที่ อส. ซึ่งเป็นการถ่ายโอนภารกิจ โดยเมื่อ อส. ทุกคนเสร็จภารกิจก็กลับบ้านจึงอาจตกเป็นเป้าได้ เพราะเขาเป็นคนในพื้นที่ เราก็ให้ระมัดระวัง ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการข่าว ถ้าเรามีการข่าวที่ดีก็สามารถรู้ล่วงหน้าได้ แต่ทุกวันนี้ไม่สามารถรู้หรือคาดการณ์ล่วงหน้าได้ พอเกิดเหตุจึงยากต่อการระมัดระวังตัว แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วต้องเอาผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ 

 

เมื่อถามว่า จะมีการทำความเข้าใจกับชาวพุทธในพื้นที่อย่างไร เนื่องจากมีการย้ายออกเป็นจำนวนมาก ปลัดมหาดไทย กล่าวว่า ตรงนี้อยู่ที่การพูดคุยกับประชาชนที่มีแค่บางส่วน เพราะบางส่วนที่ย้ายออกไปเนื่องจากเศรษฐกิจในพื้นที่ไม่ดี จึงไปหางานทำที่อื่น ซึ่งเรามีการทำความเข้าใจโดยมีคณะกรรมการหมู่บ้านไปพูดคุยถึงเหตุการณ์ต่างๆ