“กมธ.มั่นคงฯ” ถกหาข้อเท็จจริง 2 คลิปเสียงเอี่ยวกัมพูชา​ เตรียมเรียก”แพทองธาร” แจงอีกรอบ ปมบทสนทนาฮุนเซน​ พร้อมให้ “บช.ก.” เร่งตรวจสอบตัวตน “เคลียง ฮวด​” มีบัตรประชาชน-ทรัพย์สินในไทยจริงหรือไม่ พร้อมตั้งคำถามเรื่องคลิปเสียงไล่ล่าคนเห็นต่างในไทย “นายกฯ-รัฐมนตรี” ต้องถูกดำเนินคดี ม.157 หรือไม่ เพราะถือเป็นการทำให้อำนาจอธิปไตยส่วนหนึ่งส่วนใด สูญเสียให้รัฐบาลต่างชาติ 

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่รัฐสภา น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ​ กิจการ​ชายแดน​ไทย​ ​ยุทธ​ศ​า​สตร์ชาติ​และ​การปฏิรูป​ประเทศ​สภาผู้แทน​ราษฎร​ แถลงผลการประชุมหาข้อเท็จจริง​ 2 คลิปเสียง​ ทั้งกรณีบทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุนเซนและคือคลิปที่มีการสั่งติดตามคนกัมพูชา​ บนผืนแผ่นดินไทย​ ที่มีข้อสงสัยว่าจะเกี่ยวพันกับผู้มีอำนาจที่อยู่ในกัมพูชา​  

โดยน.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า​ ประเด็นที่ถูกพูดถึงในที่ประชุมวันนี้มากที่สุดคือกรณีคลิปเสียงคล้ายสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา สั่งการให้นายเคลียง ฮวด ไล่ล่า ชาวกัมพูชาที่มีความเห็นต่างในประเทศไทย โดยกมธ.ได้เชิญนายพร พันนา นักเคลื่อนไหว ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในคลิปเสียง ซึ่งปัจจุบันลี้ภัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และนายสวน จำเริญ ที่ลี้ภัยอยู่นิวซีแลนด์​ วีดิโอคอนเฟอร์เร้นท์​ มาให้ข้อมูล​ ว่า​ ถูกทำร้ายหลังลี้ภัยมาประเทศไทย​ สอดคล้องกับคลิปเสียง ที่ต้องการให้นายเคลียง ฮวด ไล่ล่าชาวกัมพูชาผู้ที่เห็นต่างในไทย

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันยังได้รับข้อมูลจากน.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ นักสิทธิมนุษยชน ว่า​ มีความเป็นไปได้ที่มีการแลกเปลี่ยนการจับกุมตัวผู้ลี้ภัยระหว่างทางการไทยและกัมพูชา และนายเคลียง ฮวด​ อาจมีบัตรประชาชนหรือสัญชาติไทย หรือทรัพย์สินอยู่ในประเทศไทยซึ่งกมธ.จะติดตามตรวจสอบต่อไป​

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อด้วยว่า​ กมธ.เห็นว่า​นอกจากจะดำเนินการกับสมเด็จฮุน เซน ด้วยกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว ยังสามารถเอาผิดตามหมวด 3 ของกฎหมายอาญา ซึ่งเป็น ความผิดต่อความมั่นคงนอกราชอาณาจักร ทำให้อำนาจอธิปไตยส่วนหนึ่งส่วนใด สูญเสียให้รัฐบาลต่างชาติ ทำให้ผู้นำต่างชาติเข้ามามีปฏิบัติการในประเทศไทย และนอกจากผิดกฎหมายอาญาแล้ว​ ยังเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ซึ่งต้องดำเนินการกับนายกรัฐมนตรี​ รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในคดีนี้ด้วยหรือไม่

เมื่อถามถึงการดำเนินการในระดับกฎหมายระหว่างประเทศกับสมเด็จฮุนเซน น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ผู้แทนของกระทรวงการต่างประเทศ ยอมรับว่ามีการศึกษาพิจารณากันอยู่ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ในคลิป ขณะที่เจ้าหน้าตำรวจก็ยอมรับแล้ว​ว่า​ จะนำคลิปเสียงไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ว่าเป็นเสียงของสมเด็จฮุนเซนจริงหรือไม่ เพื่อนำเข้าสู่สำนวนคดีต่อไป ทั้งนี้​ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า​ ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องหรือร่วมมือกับนายเคลียง​ ฮวด แต่ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติยอมรับว่า มีปฏิบัติการของต่างชาติเข้ามาเป็นภัยคุกคาม ตามล่าคน สัญชาติเขาในประเทศไทยจริง เรื่อง​ สมช.มองว่าเป็นภัยคุกคาม แต่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากพอ จึงไม่รู้ว่า ปฏิบัติการเหล่านี้มีความร่วมมืออย่างไม่เป็นทางการ กับหน่วยงานราชการ ของไทยหรือไม่

เมื่อถามถึงกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างสมเด็จฮุนเซน และน.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า กมธ. ไม่แน่ใจว่า​ จะมีคลิปสนทนา ส่วนตัว ของ น.ส.แพทองธาร​ กับผู้นำต่างชาติอื่นอีกหรือไม่ หากมี​ ต้องแจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรับทราบ เพื่อเตรียมความพร้อม เนื่องจากกมธ. มีความไม่สบายใจอย่างยิ่ง​ ว่า​อาจมีคลิปเสียงที่กระทบความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ หรือกระทบความมั่นคงระหว่างประเทศ ที่เกิดจากการดำเนินการทางการทูต ที่ไม่ถูกต้องของนายกรัฐมนตรี โดยกำหนดที่การได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่าการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีฝรั่งเศสไม่ได้เป็น ไปตามทางการทูตเช่นเดียวกัน 

ด้านนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน เลขานุการกมธ.​ กล่าวว่า​ จะส่งข้อมูลไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ให้หาข้อเท็จจริงเรื่องของนายเคลียง​ ฮวด ว่า​ เป็นคนไทย​ มีบัตรประชาชนและทรัพย์สินในไทยหรือไม่ พร้อมขอข้อมูล บันทึกการเข้าออกประเทศของนายเคลียง​ ฮวด​ ด้วย แล้วจะขยายผล หาข้อเท็จจริงการถูกทำร้ายร่างกายของชาวกัมพูชาที่มาให้ข้อมูลต่อกับกรรมาธิการวันนี้ รวมไปถึงการเสียชีวิตของนายลิม​ กิมยา พร้อมจะทำหนังสือเชิญถึงนายกรัฐมนตรี​ มาชี้แจงต่อกรรมาธิการ อีกครั้ง เพราะกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุนเซน​ ไม่สามารถมีใครชี้แจงแทนได้