หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ยืนหยัดฟันฝ่า ทุกอุปสรรค ทุ่มเท ทำงานรับใช้สังคม นำเสนอความจริง ผลงานก้าวสู่ปีที่ 75 เป็นเครื่องพิสูจน์…*…

ดูเหมือนว่าการออกมาประณาม เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากองค์กร และฝ่ายต่างๆ อาจไม่มีความหมายเท่าใดนัก เพราะเหตุความรุนแรง ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนอกจากไม่ได้ลดน้อยลงไปแล้ว ยังพบว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเป็น “เป้าหมาย” นอกจากจะเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ แล้ว ล่าสุด ยังกลายเป็น “เด็ก -คนแก่ -คนพิการ” ถูกยิงเสียชีวิต ทั้งที่ก่อนหน้านี้ การกราดยิง “สามเณร” วัย 16 ปีมรณภาพ ที่อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ถือว่าเป็นเรื่องเลวร้ายและรุนแรงอย่างมาก เพราะการทำร้ายสามเณร ให้บาดเจ็บและมรณภาพนั้นเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจพุทธศาสนิกชนไม่น้อย …*…

คำถามที่ผู้คนในสังคมเคยทวงถามว่า “ไฟใต้จะดับเมื่อไหร่ ?” อาจกลายเป็นเรื่องที่ห่างไกลออกไปทุกที และดูท่าว่าจะคาดหวังได้น้อยลง จนอาจกลายเป็นแสงที่ริบหรี่เสียแล้ว  และยิ่งไม่ต้องคาดหวังว่า “รัฐบาล” ชุดไหน จะแก้ปัญหาไฟใต้ได้อย่างจริงจัง ผู้คนในพื้นที่ ต่างอยู่ในความหวั่นไหว ไม่เป็นสุข เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ – ทหาร ต่างทำงานหนัก อยู่ในความเสี่ยงไม่เว้นแต่ละวัน …*…

“พลไพศาล หนูสังข์”  แม่ทัพภาคที่ 4  ลงพื้นที่ด่วนติดตามสถานการณ์ หลังเกิดเหตุยิงประชาชนชาวบ้านในพื้นที่ อ.จะแนะ และ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 พ.ค.68 มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 3 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิตจากทั้ง 2 กรณี เป็นหญิงชราพิการทางสายตา อายุ 76 ปี  และเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ…*…

“แม่ทัพภาคที่ 4” สั่งการกำลังเฝ้าระวัง และคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน “กลุ่มเปราะบาง” เป็นพิเศษ เพราะเป็นเป้าหมายอ่อนแอ ที่ผู้ก่อเหตุพุ่งเป้าในขณะนี้ รวมทั้งยกระดับให้ใช้มาตรการด้านความมั่นคงเข้มข้นที่สุด โดยเจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง ตนเองและดูแลกลุ่มเปราะบาง รับมือกับการตอบโต้ตลอด 24 ชั่วโมง สถานการณ์ไฟใต้ ณ จุดนี้ยังคงฝากความหวังเอาไว้ที่ รัฐบาลได้ยาก …*…

การปรับครม. น่าจะกลายเป็น “ไฟทว์บังคับ” เลี่ยงได้ยาก แม้ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร  พยายาม “ยื้อ” อย่างที่สุด ทั้งออกมายืนยันและตอกย้ำอยู่หลายครั้งว่า “ทุกอย่างยังเหมือนเดิม” และ “ยังไม่คิด”  แต่ไม่ได้หมายความการปรับครม.จะไม่เกิดขึ้น อย่าลืมว่า “อำนาจ” การปรับครม. อยู่ที่ “นายกฯอิ๊งค์” แต่ “การตัดสินใจ” อยู่ที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า”  …*…

แต่กระนั้น ใช่ว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะ “พ่อนายกฯ” จะสั่งได้ทั้งหมด โดยเฉพาะการเลือก “ใคร” เข้ามานั่งใน “รัฐมนตรี” ครม.ชุด “แพทองธาร2” คงไม่สามารถผลักดัน “ทุกคน” จากทุกสาย ที่วิ่งเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า หากมีปัญหาไปทับไลน์ “โควตา” รัฐมนตรี ที่อยู่ในสังกัด “นายกฯอิ๊งค์” …*…

เท่ากับว่า การปรับครม. “ปรับเล็ก” เพราะในส่วนของ “พรรคเพื่อไทย” ก็ต้องบอกว่า “ยุ่งเหมือนยุงตีกัน” คนที่อยู่ในตำแหน่ง ก็ไม่อยากลุกออกไป ส่วนคนที่รอต่อคิวก็รอด้วยความหวัง  ว่าจะได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรี …*…

ความวุ่นวายของ “พรรคเพื่อไทย” ยังเพิ่งเริ่มต้น เมื่อ คนของทั้ง “พ่อ” และ “ลูกสาว” ต่างพากันแยกไปยืนคนละข้าง เหมือนคนละฝั่ง แม้จะอยู่ในพรรคเดียวกัน ! …*…

ที่มา:พันแสง (05/05/68)